Hairstyle with suit…จริงหรือไม่ที่เวลาใส่สูทควรหวีผมเนี้ยบเรียบร้อยเสมอไป

ทรงผมที่หลายคนติดภาพว่าการสวมสูทนั้นต้องมาคู่กับทรงผมหวีเรียบแปล้ แบ่งแสก และเก็บทรงให้เรียบร้อยที่สุด แท้จริงแล้วเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ วันนี้ The Decorum จะพาไปทุกคนไปหาคำตอบกันครับ
Hairstyle with suit

สำหรับการแต่งตัวของสุภาพบุรุษทุกคนหลายคนจะมุ่งจุดโฟกัสไปที่เรื่องของเสื้อผ้าเป็นหลัก ความเนี้ยบของสูท เสื้อเชิ้ต กางเกง เนกไท รองเท้า และแอ็กเซสเซอรี่อื่นๆ ทว่าลุคแต่ละลุคนั้นต้องสวมใส่บนร่างกายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการดูแลร่างกายให้เหมาะสมกับแต่ละสไตล์นั้นเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้ไอเท็มแต่ละชิ้น โดยเฉพาะทรงผมที่หลายคนติดภาพว่าการสวมสูทนั้นต้องมาคู่กับทรงผมหวีเรียบแปล้ แบ่งแสก และเก็บทรงให้เรียบร้อยที่สุด แท้จริงแล้วเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ วันนี้ The Decorum จะพาไปทุกคนไปหาคำตอบกันครับ

“FORMAL” & “NEAT” need to be together

“FORMAL” & “NEAT” need to be together – ความทางการและความเนี้ยบเป็นสิ่งที่มาคู่กันเสมอ

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเรื่องทรงผมและการแต่งกายคือกาลเทศะและระดับความทางการ ภาพของสุภาพบุรุษในสื่อต่างๆ มักเกิดขึ้นในบริบทความทางการหรือภาพจำตั้งแต่สมัยก่อนที่ผลิตซ้ำโดยเฉพาะในประเทศไทยว่า “สวมสูท = ทางการ” ซึ่งเป็นจริงส่วนหนึ่งเพราะการสวมสูทผูกไทแบบเต็มรูปแบบ สไตลิ่งเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีขาวและรองเท้า Oxfords สีดำหมายถึงสูทสำหรับงานทางการเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นความเนี้ยบเรียบร้อยในการจัดทรงผมก็ต้องสอดคล้องไปในทางเดียวกัน งานสำคัญที่มีระดับความทางการมากๆ ท่านสุภาพบุรุษก็ควรจัดทรงผมให้เนี้ยบเรียบร้อย ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถให้ความเงากับเส้นผมได้มากน้อยตามความชอบ แต่สิ่งสำคัญคือทรงผมจะต้องดูคลีนไม่ว่าจะสั้นหรือยาว เก็บทรงแบ่งแสกให้เรียบร้อย ไม่ปล่อยให้พะรุงพะรังจนเกินงาม เท่านี้ก็จะได้ลุคที่สามารถสะท้อนถึงความใส่ใจในการ “Dressing & Grooming” ได้เป็นอย่างดีครับ

Less formality bring gentlemen to self-natural mode

Less formality bring gentlemen to self-natural mode – ความทางการที่ลดลงเผยธรรมชาติในตัวตนของสุภาพบุรุษได้ดียิ่งขึ้น

เมื่องานระดับทางการไม่ว่าจะเป็นการประชุม งานสัมมนา หรือแม้แต่ทานอาหารมื้อสำคัญผ่านไป ระดับทางการก็ลดลงมา แน่นอนว่าทรงผมก็ไม่จำเป็นต้องเนี้ยบเหมือนกับงานสำคัญ แต่เมื่อสวมสูทผูกไทแบบครบองค์หรือสวมแจ๊กเก็ตพร้อมกับเนกไทยังคงต้องจัดทรงผมให้ดูสะอาดเรียบร้อยเช่นเดิมครับ เพียงแต่ว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องใส่ใจมากกว่าปกติเมื่อครั้งสวมสูทในโอกาสสำคัญมากๆ อาจจะไม่จำเป็น ตัวตนของเราในการสร้างงานศิลปะผ่านเส้นผมนั้นสามารถทำได้อย่างอิสระมากขึ้น หากเราเห็นการสวมสูทแบบ everyday look ของฝั่งตะวันตกจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อยแต่ไม่เรียบร้อยจนดูกระเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ แต่เป็นทรงผมเฉพาะตัวที่สะท้อนตัวตนออกมาได้พอดิบพอดีครับ

Casual vibes

Casual vibes – ความลำลองคือโจทย์ปัญหาที่ดูเหมือนง่ายแต่ทำได้ยากกว่าที่คิด

สำหรับการสวมสูทหรือแจ๊กเก็ตนั้นในปัจจุบันมีการปรับสไตล์ให้ลำลองมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องสวมสูท 2 ชิ้น 3 ชิ้นหรือแม้แต่สวมสูทผูกเนกไทเสมอไป ลุคลำลองกับเสื้อตัวนอกนั้นยังคงเสริมสร้างบุคลิกได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันด้านร่างกายเราสามารถปล่อยฟรีสไตล์มากขึ้น การจัดทรงผมแบบต่างๆ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงแสกผมหรือความเรียบร้อยเสมอไป ปล่อยให้ผมเป็นอิสระมากขึ้น ใช้ผลิตภัณฑ์เช่นมูสหรือแว็กซ์ที่มีระดับความแข็งไม่มากนักเพื่อสร้างลุคที่ดูธรรมชาติไม่ขัดกับความลำลองนั่นเองครับ หรือถ้าใครอยาก Groom Up ก็สามารถแมตช์สไตล์เสื้อผ้าและการกรูมมิ่งให้สอดประสานกันลงตัวได้เสมอครับ ซึ่งเราจะพูดถึงกันในเรื่องวินเทจและความขบถต่อไป

Vintage styles bring Oldies back

Vintage styles bring Oldies back – สไตล์วินเทจพาเราย้อนกลับไปถึงต้นตอของเสื้อผ้าตัวนั้นๆ

สำหรับเสื้อผ้าวินเทจนั้นมีคาแรกเตอร์เฉพาะแต่ละยุค ก็จริงที่เราสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้เอง แต่ในขณะเดียวกันใครอยากสวมใส่มันตามธรรมเนียมนิยมของแต่ละยุคสมัยก็สามารถดูได้ตามต้นฉบับของยุคนั้นๆ ได้เลย หากใครคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ เราอาจจะเลือกทำทรงผมแบบ wet look หวีเรียบโดยไม่ต้องความใส่ใจเรียบร้อยมากนัก ทั้งนี้ที่เรากล่าวถึง wet look เพราะในสมัยก่อนโพเมดหรือพอมเมดคือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงยอดนิยม และส่วนมากมีส่วนประกอบจากน้ำมันทำให้ผมเงาวาวสวยงาม หรือในยุคอื่นมีเอกลักษณ์อะไรโดดเด่นที่ไม่ใช่แค่ทรงผม การนำกลิ่นอายเหล่านั้นมาผสมผสานอยู่ในลุคของเราเองก็จะสร้างคาแรกเตอร์ให้ดูโดดเด่นและแสดงให้เห็นถึงความสนใจในเสื้อผ้าเหล่านั้นจากแต่ละยุคจริงๆ

Creating extraordinary look as a rebel

Creating extraordinary look as a rebel – สร้างความขบถกับการทำลายกรอบแบบอนุรักษ์นิยม

ในปัจจุบันการสวมสูทไม่ได้ตีกรอบหนาเตอะแล้วว่าต้องทำผมแบบใด ยุคนี้เราจึงเห็นความขัดแย้งกันระหว่างการสวมสูทตัวเนี้ยบกับตัวตนของแต่ละคนแบบเต็มที่ ยกตัวอย่างเช่นสูท Gucci มีบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังสไตลิ่งมันเข้ากับทรงผมอันมีสไตล์ ยกตัวอย่างเช่น Alessandro Michele และ Harry Styles ดีไซเนอร์และมิวส์คนสำคัญ ทั้ง 2 คนไว้ผมยาวมาจนเป็นเอกลักษณ์ การสวมสูทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีการแหวกกรอบของสูทแบบเดิมๆ นั่นแปลว่าสุภาพบุรุษทุกคนสามารถขับความขบถในตัวไปพร้อมกับการสวมสูทได้ แสดงออกทางการออกแบบทรงผมและสไตล์ของการแต่งตัว ผมยาวอยากปล่อยผม ผมสั้นแต่อยากได้ลุคที่มีความตั้งใจให้ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจก็สามารถทำได้ แต่ข้อเดียวคือควรทำให้ทรงผมนั้นยังเป็นทรงอยู่เสมอครับ

And the most important – และสิ่งสำคัญที่สุดคือ…

ไม่ว่าจะสวมสูทหรือแจ๊กเก็ต หรือแม้แต่แต่งตัวรูปแบบต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดเรื่องทรงผมคือการทำให้มันเป็นทรงเสมอ ไม่ว่าจะตั้งใจให้ออกมาทางการ วินเทจ หรือแม้แต่คาแรกเตอร์เซอๆ ก็ควรประณีตกับเรื่องทรงผมทั้งนั้น มันอาจจะยิ่งกว่าคำว่าลำลองในหลายโอกาส แต่เหมือนกับว่าเมื่อเราสวมเสื้อผ้าที่เสริมบุคลิกเราแล้วก็ควรส่งเสริมให้การดูแลตัวเองให้ดูดีไว้เสมอด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าแต่ละคนจะผมสั้น ผมยาว และมีลักษณะเส้นผมอย่างไร ขอแนะนำว่าจงเริ่มต้นจากความเรียบง่ายด้วยความใส่ใจ และค่อยๆ ขยับตามระดับความทางการไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ถ้ายังมีลุคที่ลำลองขึ้นอีกด้วยการสไตลิ่งกับเสื้อยืดหรือกางเกงยีนส์ก็ยิ่งสามารถสร้างสรรค์ทรงผมได้หลายรูปแบบมากขึ้นครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นหากใครไม่ได้เตรียมตัวไว้เลยสำหรับการสวมแจ๊กเก็ตสไตล์ลำลองทุกท่านสามารถติดหมวกไว้สักใบมาใส่เพื่อแมตช์กับแต่ละลุคได้อีกด้วย (เว้นแต่เป็นงานทางการหรือกึ่งทางการก็ไม่ควร) เพราะมันสามารถปกปิดวันที่ทรงผมแย่ๆ ได้อย่างหมดจดมีสไตล์นะครับ

สุดท้ายเรื่องทรงผมก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ละคนมีความมีสไตล์ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็แล้วแต่ถ้าคุณทำตามแพตเทิร์นเสียจนเกินไปก็พลิกแพลงขึ้นมาเพื่อเพิ่มความสนุกบ้างก็ไม่ผิดนัก ทั้งนี้ทั้งนั้นควรดูระดับความทางการให้เหมาะสม หมั่นฝึกทำผมไว้หลากหลายรูปแบบ ทดลองผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพหนังศีรษะและไลฟ์สไตล์ของเรา เท่านี้ทรงผมและการแต่งตัวของเราก็จะผสมผสานกันได้อย่างลงตัวครับ อ่านบทความนี้จบแล้วอย่าลืมติดตามความรู้ที่น่าสนใจจากหัวใจเหล่าสุภาพบุรุษ กับ The Decorum Tribune ได้ในตอนหน้าครับ