สีแดงที่เราจะพูดวันนี้คือสี ‘Burgundy’ ครับ จุดเริ่มต้นของชื่อสีนี้ตรงไปตรงมาอย่างมาก โดยมันถือกำเนิดขึ้นจากการจำลองสีของไวน์จากแคว้นเบอร์กันดีอันโด่งดังของประเทศฝรั่งเศส แคว้นนี้มีชื่อเสียงกับการผลิตไวน์แดงคุณภาพสูง และถือว่าเป็นไวน์แดงจากโลกเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีมูลค่าสูงลำดับต้นๆ ของโลก ด้วยความล้ำลึกของเฉดสีแดงที่มีความหม่นมัวเหมือนคาแร็กเตอร์ของสีไวน์ที่ไม่ได้เป็นสีแดงฉูดฉาด แต่เป็นสีที่ล้ำลึกทำให้เสน่ห์ของไวน์เบอร์กันดีไม่ได้มีเพียงรสชาติ เพราะมันสามารถสร้างคาแร็กเตอร์สีที่มีเอกลักษณ์และกลายเป็นจุดตั้งต้นความมิติความสวยงามในหลากหลายแขนงของโลกศิลปะครับ
แรกเริ่มเดิมทีสีนี้ถูกมองว่าเป็นสีที่สวยงาม แต่ด้วยความล้ำลึกของมันทำให้การผลิตสีนี้ทำได้ค่อนข้างยาก ไม่ค่อยมีการใช้สีนี้อย่างแพร่หลายมากนัก จนกระทั่งมีการผลิตและนิยามสีนี้อย่างชัดเจนในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งสีดังกล่าวเป็นสีเครื่องแบบของทหารฝรั่งเศสในยุคนั้น การย้อมสีผ้าด้วยเฉดสีแดงอันสลับซับซ้อนนี้ทำให้ชุดทหารของฝรั่งเศสมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์แฟชั่นที่รายละเอียดเชิงศิลป์ถูกผลิตขึ้นและใช้งานในกองทหารก่อนได้รับความนิยม เฉกเช่นเดียวกับเสื้อลายตาราง เสื้อ Breton หรือจะเป็นแจ็กเก็ตทหารหลากหลายรูปแบบที่กลายเป็นไอเท็มแฟชั่นในยุคปัจจุบันครับ
ความนิยมชมชอบในความสวยงามคือปัจจัยหลักในการทำให้สีดังกล่าวยังคงเป็นสีอมตะเหนือกาลเวลา สีแดงเบอร์กันดีโด่งดังและถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์เชิงศิลป์อย่างชัดเจนในช่วงพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เพราะพระองค์ทรงโปรดปรานสีนี้และทรงมีดำริให้ช่างเสื้อตัดเย็บฉลองพระองค์สีดังกล่าวเพื่อสวมใส่โดยพระองค์เอง รวมถึงใช้เป็นสีหลักในการผลิตเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งอีกด้วย จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 19 ความนิยมตรงนี้ก็เผยแพร่สู่เกาะอังกฤษ มันถูกใช้เป็นสีอันหรูหราสำหรับการผลิตไอเท็มแฟชั่นและศิลปะ รวมถึงสถาปัตยกรรมมากมายครับ เรื่อยมาจนถึงยุคศตวรรษที่ 20 มันก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงช่วง ‘Art Deco’ เลยทีเดียวครับ
สีแดงเบอร์กันดีในโลกแฟชั่นนั้นก็ถือเป็นสีคลาสสิกตลอดกาลครับ เพราะแม้จะเป็นสีเก่าแก่โบราณแต่มันก็ถูกผลิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นดีไซเนอร์แบรนด์ที่อวดโฉมลุคบนรันเวย์อันน่าตื่นเต้น เรื่อยไปจนถึงสีแดงเบอร์กันดีในเล่มผ้าสำหรับสุภาพบุรุษสายคลาสสิกที่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันด้วยความล้ำลึกของเฉดสีแดง เอนเอียงไปในทางสีหม่นเข้ม สีแดงเบอร์กันดีจึงได้รับความนิยมในการตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อโค้ตและสเวตเตอร์ครับ ในขณะเดียวกันมันก็เป็นสียอดนิยมสำหรับผลิตรองเท้าหนังคุณภาพสูง หากใครต้องการทางเลือกของรองเท้าหนังที่ไม่ใช่สีน้ำตาล และไม่อยากสวมรองเท้าสีดำที่เป็นทางการเสียเหลือเกิน เรียกว่าสีแดงเบอร์กันดีที่เก็บซ่อนรายละเอียดความฉูดฉาด แต่มีลูกเล่นเมื่อแสงกระทบจึงเป็นคำตอบที่สุภาพบุรุษหลายคนหลงใหลครับ
วัสดุที่เหมาะสำหรับสีแดงเบอร์กันดีมีตั้งแต่ผ้าวูล ผ้าลินิน ผ้าไหม เรื่อยไปจนถึงผ้ากำมะหยี่ที่ทั้งหมดสามารถถ่ายทอดคาแร็กเตอร์ของสีในรูปแบบที่แตกต่างกันไป และที่ขาดไม่ได้คือวัสดุหนังสำหรับรองเท้าและกระเป๋าที่ถูกยกให้เป็นไอเท็มสีแดงเบอร์กันดีสุดคลาสสิกเสมอมาครับ ปัจจุบันกับขนบธรรมเนียมแฟชั่นที่ไหลเวียนอย่างลื่นไหลมากขึ้น สีแดงเบอร์กันดีก็ไม่ใช่สีสำหรับฤดูหนาวหรือชุดเครื่องแบบอีกต่อไป มันถูกพัฒนากลายเป็นไอเท็มหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่กางเกงสุดเนี้ยบไปจนถึงแจ็กเก็ตสำหรับสวมใส่สไตล์ลำลอง และความจริงจังของการนิยามสีก็ลดลงด้วยเช่นกัน กราฟความเคร่งครัดในการนิยามสีจากเดิมไม่มีความสำคัญ สู่ความจริงจัง ก่อนจะผ่อนปรนอีกครั้ง เราจึงเห็นว่าสีแดงหม่นที่มีคาแร็กเตอร์ล้ำลึกถูกเรียกว่าสีแดงเบอร์กันดีทั้งหมด ซึ่งบางครั้งมันเหมารวมกับสีแดงเฉดอื่นๆ เช่นสีแดงไวน์แบบสีแดงบอร์กโดซ์ไปด้วยเช่นกัน ถึงกระนั้นมันก็ยังคงระดับลูกเล่นที่นอกเหนือจากสีดำและน้ำตาล แต่ยังให้มิติความหรูหราเหนือระดับเฉกเช่นกับต้นกำเนิดของชื่อเสียงคือไวน์แห่งแคว้นเบอร์กันดีนั่นเองครับ
หากใครสนใจเกี่ยวกับแฟชั่นของสุภาพบุรุษฉบับคลาสสิกแบบนี้ สามารถติดต่อสอบถามกับเราได้ผ่านทุกช่องทางครับ อย่าลืมติดตามความรู้ที่น่าสนใจจากหัวใจเหล่าสุภาพบุรุษกับ The Decorum Tribune เพิ่มเติมได้ในตอนหน้า แล้วพบกันครับ