THE ORIGIN
คำแปลกประหลาดแบบ “Seersucker” ต้นกำเนิดมาจากภาษาเปอร์เซียคำว่า “Shir o Shekar” หรือ “shirushakar” และค่อยๆ ถูกแปรเปลี่ยนเพื่อง่ายต่อการสื่อสาร โดยคำดังกล่าวแปลว่านมและน้ำตาลครับ ถือเป็นสไตล์อย่างหนึ่งที่พ่อค้าสมัยหลายศตวรรษก่อนเรียกความโดดเด่นของลักษณะเฉพาะแบบนี้ จุดเริ่มต้นของการเรียกก็มาจากสีแทนและขาวเหมือนนมและน้ำตาลนั่นเองครับ ซึ่งชาวยุโรปเห็นว่าลักษณะเนื้อผ้าที่นิยมในสไตล์นี้เหมาะสมสำหรับอากาศร้อนจึงเลือกหยิบจับมาสรรสร้างเสื้อผ้าสำหรับสุภาพบุรุษเพื่อสวมใส่ในฤดูร้อน หรือใส่เดินทางสู่ประเทศที่มีภูมิอากาศไม่เป็นมิตรต่อการสวมผ้าวูลหรือผ้าฤดูหนาวแบบอื่นๆ นั่นเองครับ
THE MIXTURE OF IMPERFECTION
ผ้า Seersucker โดดเด่นเป็นอย่างมากกับการที่มันมีลักษณะพื้นผิวต่างกันบนผ้าผืนเดียว เหตุผลสำคัญมาจากการทอผ้าฝ้ายและผ้าไหมเข้าด้วยกัน เมื่อมีการหดตัวของผ้าฝ้ายจะทำให้เกิดลักษณะพิเศษนี้ขึ้น ส่วนใหญ่มักมี 2 สีและมีความหยาบและเนียนต่างกันโดยชัดเจน ความไม่สมบูรณ์แบบของการผสมผสานนี้นำมาสู่การเนรมิตผ้าที่สมบูรณ์แบบในแบบฉบับของตัวมันเองและกลายเป็นเอกลักษณ์เด่นที่ไม่มีการทอผ้าชนิดใดมาทดแทนได้นั่นเองครับ ดังนั้นหากจะพูดว่าผ้า Seersucker เป็นการผสมผสานที่ไม่สมบูรณ์และไม่ลงตัวอันนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนใครก็อาจจะไม่ผิดนักครับ (ปัจจุบันนิยมการทอ Seersucker ด้วยผ้าฝ้ายผ่านเทคนิคสมัยใหม่เพียงอย่างเดียวมากขึ้น)
MYTH OF SEERSUCKER
เรื่องราวมายาคติของ Seersucker นั้นเกิดขึ้นจากความโดดเด่นเรื่องความเหมาะสมสำหรับการสวมใส่ในสภาพอากาศค่อนข้างร้อนครับ เนื่องด้วยตัวเลือกในการตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับอากาศร้อนนั้นมักจะพุ่งเป้าไปหาการใช้ผ้าลินิน ทว่า Seersucker เองก็ได้รับความนิยมจากความโดดเด่นเฉพาะตัว อีกทั้งยังมีคุณสมบัติระบายอากาศได้ดีและยับยากกว่าผ้าลินิน ผ้าชนิดนี้จึงได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ส่วนจะถูกนำมาตัดเย็บสูทฤดูร้อน แจ็กเก็ต และเสื้อเชิ้ตครับ แน่นอนครับว่าสีสำหรับฤดูร้อนก็มักจะเป็นสีโทนอ่อน เท่ากับว่าภาพจำที่เราเห็นลักษณะผ้า Seersucker มักจะผูกติดกับสีอ่อนหรือสีสันสดใสสะดุดตา
แท้จริงแล้ว Seersucker ไม่ได้มีรูปแบบของการทอผ้าสีอ่อนหรือคู่สีสดเท่านั้นครับ เราจะเห็นว่าหลายคนที่ครอบครองสูทเบสิกมาหลายตัวมักหาลูกเล่นมาเสริมในตู้เสื้อผ้า นอกจากผ้าวูล ผ้าลินิน และผ้าคอตตอน เราจะเห็นว่าสูทผ้า Seersucker ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย และมันไม่จำเป็นต้องเป็นสีอ่อนด้วยซ้ำ สีกรมท่าหรือสีน้ำเงินเองก็เป็นสีเบสิกของการตัดสูทเช่นกัน ดังนั้นเราจึงเห็นว่าสุภาพบุรุษผู้เปี่ยมสไตล์หลายคนจากทั่วทุกมุมโลกเลือกตัดสูทผ้า Seersucker ในโทนสีเข้มดังที่กล่าวไป หรือบางครั้งก็เข้มสุดไปจนถึงสีดำ ซึ่งแม้จะมีสีที่เหมือนกับสูทคลาสสิกทั่วไป แต่ด้วยเนื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นมากๆ สูท Seersucker สีเข้มจึงขับเสน่ห์ของผู้สวมใส่ออกมาได้อย่างมีมิติเช่นเดียวกันครับ
INFORMALITY
ถึงแม้ว่าผ้า Seersucker จะถูกนำมาตัดเป็นเสื้อเชิ้ตหรือสูทสีเข้มเนี้ยบกริบ ทว่ามันก็ยังถูกจัดลำดับให้เป็นผ้าที่ไม่เหมาะสมต่องานระดับทางการครับ ด้วยลักษณะผ้าที่มีพื้นผิวค่อนข้างหยาบและคาแร็กเตอร์ของมันค่อนไปทางลำลอง ทำให้เสื้อผ้า Seersucker ไม่เหมาะสำหรับการใส่ออกงานระดับกึ่งทางการขึ้นไปครับ และถ้ายิ่งหยิบจับผ้า Seersucker สีอ่อนที่นิยมทั้งคู่สี ขาว-ฟ้า ขาว-เขียว และอื่นๆ อีกมากมายก็ยิ่งสะท้อนภาพความลำลองขึ้นอีกขั้นด้วยซ้ำครับ ดังนั้นหากใครตัดสูทเป็นตัวแรกหรือตัวที่ 2 โดยมีความตั้งใจจะใช้สูทในโอกาสที่หลากหลายและเผื่อถึงงานระดับทางการแนะนำว่า Seersucker ยังไม่เหมาะเท่าไหร่นักครับ
FULL OF CHARACTER
ต้องบอกว่าการเลือกผ้า Seersucker มาเป็นส่วนสำคัญในตู้เสื้อผ้านั้นเป็นวิถีทางแฟชั่นโดยแท้ เนื่องด้วยการตอบโจทย์ความทางการไม่สอดคล้องกับผ้าชนิดนี้สักเท่าไหร่ ผ้า Seersucker จึงเหมือนอาวุธด้านแฟชั่นที่นำเสนอความเด็ดขาดและเซนส์ด้านสไตล์ของสุภาพบุรุษสำหรับลุคลำลองหรือช่วงพักผ่อนฤดูร้อนและวันหยุดเสียมากกว่าวันทำงานทั่วไป ปัจจุบันกฎระเบียบความเคร่งครัดเรื่องระดับความทางการน้อยลง เปิดโอกาสให้สุภาพบุรุษสามารถหยิบเสื้อผ้า Seersucker หลากหลายรูปแบบมานำเสนอตัวตนของตัวเองได้มากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของสถานการณ์ที่ต้องเผชิญด้วยครับ
ใครกำลังคิดจะหาผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว Seersucker คือคำตอบที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องความลำลอง สไตล์ และโอกาสในสวมใส่ในสภาพอากาศประเทศไทย รับรองว่าถ้ามีเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากผ้าชนิดนี้มันจะกลายเป็นไอเท็มเด็ดในตู้เสื้อผ้าที่พร้อมให้สุภาพบุรุษสวมใส่นำเสนอตัวตนความมีสไตล์ในลักษณะเฉพาะตัวได้อย่างยอดเยี่ยมครับ
หากใครสนใจเกี่ยวกับแฟชั่นของสุภาพบุรุษฉบับคลาสสิกแบบนี้ สามารถติดต่อสอบถามกับเราได้ผ่านทุกช่องทางครับ อย่าลืมติดตามความรู้ที่น่าสนใจจากหัวใจเหล่าสุภาพบุรุษกับ The Decorum Tribune เพิ่มเติมได้ในตอนหน้า แล้วพบกันครับ
