ย้อนกลับไปในหน้าประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงกลางยุคศตวรรษที่ 20 ดูเหมือนว่าวิธีการสวมสูทผูกไทจะยึดโยงกับธรรมเนียมปฏิบัติตามชนชั้นสูงของยุโรป โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร โครงสร้างสูทตามธรรมเนียมนิยมจะถูกสร้างภาพในอุดมคติว่าต้องเป็นโครงสร้างสูทแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น โครงสร้างและซิลูเอตอันหนักแน่น สร้างรูปทรงอันแข็งแกร่งให้กลิ่นอายแมสคิวลีนจึงเป็นดั่งสัญญะด้านแฟชั่นของสุภาพบุรุษที่ทรงพลังอย่างยิ่งตลอดหลายสิบปี ในปัจจุบันสิ่งเหล่านั้นก็ยังมีอยู่ แต่ก็เริ่มมีทางเลือกใหม่สอดแทรกเข้ามาตามยุคสมัย และยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปจนถึงปัจจุบันและต่อยอดถึงอนาคตครับ
จุดเริ่มต้นสำคัญคงต้องกล่าวถึงความขบถของ Tommy Nutter และ Edward Sexton ที่นำเสนอแฟชั่นขบถระดับพระกาฬเขย่าความมั่นคงของ Savile Row อย่างน่าทึ่ง เขาทั้งคู่รังสรรค์เสื้อผ้าจากแพตเทิร์นชุดสูทที่ไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์ความขบถจัดจ้านปลายยุค ‘60s และต่อเนื่องจนถึงยุค ‘70s ได้อย่างไร้ที่ติ ความขบถตรงนี้เหมือนประตูเปิดกว้างที่ทำให้หลายคนเริ่มจับตามองความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นกับวงการแฟชั่นสายคลาสสิกที่คงอยู่ตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิมมาอย่างยาวนานครับ เฮาส์จำนวนไม่น้อยยังคงรักษามาตรฐานและอัตลักษณ์ของตนเองเอาไว้ ทว่าปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ครับว่าสิ่งใหม่ก็มีอิทธิพลแรงกล้า สามารถสื่อสารความแปลกใหม่ถึงมือผู้บริโภคที่คาบเกี่ยวระหว่างการสวมสูทแบบดั้งเดิมและการค้นหาแง่มุมความจัดจ้านของตัวเองครับ
แน่นอนครับว่าสูทแบบ Soft Tailoring หรือการใช้เทคนิคเดรปผ้าเข้ามามีส่วนสำคัญมากกว่าแค่ใส่โครงสร้างอย่างแข็งแกร่งปรากฏขึ้นในสารบบแฟชั่นมาเป็นเวลานาน สูทสไตล์ดั้งเดิมของอิตาลีก็มีแพตเทิร์นการตัดเย็บจากชุดสมัยโบราณนานกว่า 4 ศตวรรษ ทว่าอิทธิพลจาก Frederick Scholte และ Anderson & Sheppard กับสไตล์ ‘Drape Cut’ เริ่มก่อเกิดอิทธิพลขนาดย่อม แต่มันก็ไม่ได้พลังพอจะพลิกกระดานเกมสูทที่คนนิยมเกี่ยวกับโครงสร้างและความเนี้ยบด้วยไหล่ ความคมกริบ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่ทำให้สูทสไตล์อังกฤษขนานแท้ยังคงอยู่ครับ สูทแบบ Soft Tailoring หรือที่ถูกขนานนามว่าเป็นผิวหนังชั้นที่ 2 ก็เปรียบดั่งคลื่นใต้น้ำที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนชื่นชอบและช่างฝีมือที่ต้องการพัฒนาสิ่งนี้ต่อไป สิ่งเดียวที่ต้องรอคือเวลาครับ
แท้จริงแล้วสูทสไตล์ Neapolitan หรือ Firenze ที่เน้นย้ำเรื่องการเดรปผ้ามีบทบาทกับสุภาพบุรุษในสังคมอิตาลีมานานมากแล้วครับ แต่มันไม่ได้ถูกแพร่กระจายหรือขยายวงความนิยมออกไปเป็นวงกว้าง กรอบของสูทคุณภาพเยี่ยมถูกผลิตซ้ำแล้วซ้ำอีก นอกจากนี้สื่อรูปแบบต่างๆ ยังไม่ได้ผลักดันหรือนำเสนอสิ่งนี้ให้เป็นเรื่องสำคัญ หากจะกล่าวว่าเวลาและยุคสมัยอาจยังก้าวมาไม่ถึงก็ไม่ผิดนักครับ จนกระทั่งช่วงยุค ‘80s แสงสว่างแห่งความนิยมเจิดจ้าขึ้นจากการริเริ่มของแบรนด์อย่าง Armani ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นท่ามกลางแสงสปอตไลต์ และเป็นที่สนใจอย่างมากในสมัยนั้น Giorgio Armani หัวเรือใหญ่นำเสนองาน Soft Tailoring ให้ปรากฏโฉมบนรันเวย์ และมันกลายเป็นไอเท็มไอคอนิกแห่งโลกแฟชั่นสำหรับทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เวลาทองของสูทที่มีความอ่อนช้อยสวยงาม ไม่ได้โดดเด่นด้วยโครงสร้างหรือซิลูเอตแข็งแกร่งแบบเดิมมาถึงแล้วครับ
ประเด็นแห่งยุค ‘80s ถือเป็นจุดตั้งต้นของความนิยมสูทแบบ Soft Tailoring โดยแท้ อย่างที่กล่าวไปว่าสูทรูปแบบดังกล่าวถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หัวแถวฝั่งอังกฤษอย่าง Anderson & Sheppard ก่อนจะมามีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนสูทอิตาเลียนในเวลาต่อมา เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ช่างฝีมือชั้นสูงพัฒนาและรักษามาตรฐานความยอดเยี่ยมโดยไม่ละทิ้งแนวทางนี้เลยแม้จะไม่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้างก็ตาม จังหวะเวลาที่เหมาะสมทำให้เหล่าช่างฝีมือจำนวนมากพุ่งทะยานสู่แสงสปอตไลต์อย่างต่อเนื่องครับ ชื่อของช่างเฮาส์อย่าง Rubinacci นำโดยช่างฝีมือประจำเฮาส์อย่าง Vincenzo Attolini และเฮาส์ Liverano & Liverano มีชื่อเสียงระดับถึงระดับสูงสุดของวงการอย่างรวดเร็ว และคนทั่วไปก็เริ่มรู้จักและคุ้นเคยว่าช่างสูทอิตาเลียนก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้เฮาส์บนถนนอย่าง Savile Row เลยล่ะครับ
จากวันนั้นถึงวันนี้กระแสความนิยมของสูทสไตล์ Soft Tailoring ดำเนินไปอย่างมั่นคงและเหมือนเป็นคัมภีร์ฉบับใหม่ที่แยกสายออกมาจากสูทอังกฤษดั้งเดิม แม้จะมีข้อครหาเกี่ยวกับความรวดเร็วและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงการแฟชั่นสายคลาสสิก แต่ในมุมหนึ่งต้องยอมรับความจริงว่าแบรนด์ในแสงสปอตไลต์เป็นชนวนทำให้เกิดกระแสความนิยมและสร้างจุดยืนอันมั่นคงให้กับสูทรูปแบบนี้ จนวันนี้มันกลายเป็นอีกหนึ่งความไอคอนิกที่สุภาพบุรุษทั่วโลกถวิลหา สูทเหล่านี้ไม่ได้เพิ่งกำเนิดขึ้น ไม่ได้เพิ่งนิยม แต่เป็นสูทจากการกลั่นกรองของช่างฝีมือและเฮาส์ที่ไม่เคยลดละพัฒนาจนสร้างมาตรฐานความยอดเยี่ยมได้เฉกเช่นปัจจุบัน อย่างที่กล่าวไปว่าพวกเขาปรากฏเป็นคลื่นใต้น้ำมาโดยตลอด รอแต่เพียงเวลาให้เฉิดฉาย และยุค ‘80s ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางการเดินทางท่ามกลางแสงสปอตไลต์ที่แทบไม่มีทีท่าว่าจะมีวันสิ้นสุดจนถึงตอนนี้และต่อเนื่องไปจนถึงอนาคตครับ
หากใครสนใจเกี่ยวกับแฟชั่นของสุภาพบุรุษฉบับคลาสสิกแบบนี้ สามารถติดต่อสอบถามกับเราได้ผ่านทุกช่องทางครับ อย่าลืมติดตามความรู้ที่น่าสนใจจากหัวใจเหล่าสุภาพบุรุษกับ The Decorum Tribune เพิ่มเติมได้ในตอนหน้า แล้วพบกันครับ